doctor strange

doctor strange

doctor strange

doctor strange เรื่องย่อ Doctor Strange Dr. Stephen Strange (Benedict Cumberbatch จาก Sherlock แล้วก็ The Imitation Game) เดิมเป็นหมอประสาทผู้มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมประเสริฐ อีเก๋สูง แล้วก็ดำเนินชีวิตอย่างฟู่ฟ่าหรูหรา แม้กระนั้นแล้ววันนึงชีวิตของเขาจะต้องกลับภายหลังได้รับอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นหมอศัลยกรรมแล้วก็ดำเนินงานได้เหมือนเดิม

doctor strange

เมื่อศาสตร์แพทย์ตะวันตกไม่สามารถที่จะแก้ไขให้เขาหายขาดปกติได้ เขาจึงเดินทางไปเนปาลเพื่อพึ่งศาสตร์ทิศตะวันออก ตรงนั้นเขาได้ศึกษาพลังจาก The Ancient One (Tilda Swinton จาก The Chronicles of Narnia และ Snowpiercer) และก็ฝึกฝนวิชากับ Mordo (Chiwetel Ejiofor จาก12 Years a Slave) รวมทั้งค้นคว้าหาวิชาเพิ่มในห้องสมุดกับ Wong (Benedict Wong จาก The Martian) โดยทิ้งกิ๊ก Dr. Christine Palmer (Rachel McAdams จาก Spotlight, About Time, อื่นๆอีกมากมาย) ไว้ด้านหลัง

รีวิว Doc tor Strange (2016) เนื่องจากเป็นการแนะนำตัวละครคราวแรก จึงจะต้องมีการปูพื้นกันหน่อยว่าเขาทำอะไรก่อนที่จะมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ดารานำชายอย่างแพทย์สตีเฟ่น สเตรนจ์นั้นเป็นศัลยแพทย์มือดีที่ช่ำชองเรื่องประสาทวิทยา (Neurology) กล่าวได้ว่าหัวดีมาก ใครๆก็อยากที่จะให้พี่มึงรักษา แม้กระนั้นพี่หมอมึงเลือกได้ละว่าต้องการจะรักษาคนใดกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้เจอเคสไหนที่ไม่น่าสนใจ เขาก็จะไม่รับรักษา กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มีอีหรูหราสูงเลยทีเดียว ประมาณว่า เวลาฉันมีจำกัดนะ ถ้าอาการป่วยของคุณไม่น่าสนใจพอเพียง ไม่น่าทำให้ฉันมีชื่อมากขึ้น ฉันจะไม่เสียเวล่ำเวลาด้วย

อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุกลับ เมื่อสตีเฟ่นเกิดอุบัติเหตุ

ทำให้ไม่อาจจะใช้มือทั้งสองข้างได้เหมือนเดิม แน่นอนว่าการที่ศัลยแพทย์ไม่อาจควบคุมมือตนเองได้นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าสลดหดหู่จริงๆในเวลานั้นเรารู้สึกได้ถึงอาการเฮิร์ตของแพทย์เลย โดยเฉพาะแพทย์อีเก๋สูงๆแบบเฮีย ที่รู้สึกหมดพลังสำหรับเพื่อการก้าวเดินต่อ รู้สึกไม่มีคุณค่าต่อโลกใบนี้

ในเมื่อรักษาเยอะแค่ไหนก็ไม่หายเร็วดังใจสักครั้ง สตีเฟ่นก็เริ่มท้อ แต่แล้วก็มีคนแนะนำให้เขารู้จักกับแพงบอร์น อดีตกาลผู้เจ็บป่วยรายหนึ่งที่เคยอาการหนักกว่าเขาเสียอีก ที่น่ามหัศจรรย์คือตอนนี้แพงบอร์นกลับเดินๆวิ่งๆดำรงชีวิตได้ดังคนทั่วไป สตีเฟ่นได้รู้อย่างงั้นจึงไม่คอยช้า รีบไปพบรวมทั้งถามเลยว่าทำอีท่าไหนถึงได้กลับมาหายขาดอย่างงี้ แพงบอร์นได้แนะนำสถานที่หนึ่งให้สตีเฟ่นรู้จะ นั่นก็คือ ติดอยู่มาร์-ทาร์จ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล

ภาพยนตร์หัวข้อนี้ผมมารู้จะแล้วก็หาดูภายหลังที่ดูเรื่อง Infinity War จบ บอกตามจริงว่าสนใจรวมทั้งอยากทราบจักนักแสดงตัวนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกก็ยังไม่มั่นใจว่ามีไหมนะภาคแยกของผู้แสดงนักเวทย์นี้ หาไปพบมาเมื่อเจอปุ๊บก็ดูเลยครับผมไม่ต้องคอยอะไรละ

หนังเล่าถึง ดร. สตีเฟ่น เสตรนจ์ (Benedict Cumberbatch)

ผู้มีอาชีพเป็นแพทย์ศัลยแพทย์ประสาทที่เก่งมากมาย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาได้รับอุบัติเหตุและทำให้เขาเสียมือข้างที่ใช้งานถนัดไปทำให้ความสามารถรวมทั้งอาชีพของเขาแทบจะจบลง แต่เขาคิดผิดเนื่องจากชีวิตเขากำลังจะเปลี่ยนไป เนื่องจากว่าเขาได้พบกับผู้วิเศษจากดินแดนห่างไกลที่พร้อมจะช่วยเหลือเขาและก็มอบชีวิตใหม่ให้พร้อมพลังเวทย์มนต์ที่เขาเองก็ไม่เคยเชื่อ

โดยสำหรับ Doctor Strange ฉบับภาพยนตร์นี้ นอกจากจะได้ชายหนุ่ม เบเนดิกต์ คัมเบอร์กางช (Benedict Cumberbatch) ที่ถูกวางตัวให้มารับบท สตีเฟ่น เสตรนจ์ หรือ ดร.สเตรนจ์ ตั้งแต่ทีแรกแล้วนั้น ในส่วนของเนื้อหาก็ได้มีการดัดแปลงให้ต่างจากในฉบับ Comic หลายส่วนร่วมกัน หนึ่งในนั้น ก็คือ เรื่องของตัวละคร The Ancient One คุณครูผู้วิเศษของ ดร.สเตรนจ์ ที่ใช้ผู้แสดงฝ่ายหญิง ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) มารับบทแทนต้นฉบับเดิมซึ่งเป็น “ชายแก่”

ได้ลายแทงสมบัติและก็ไม่รอคอยช้า สตีเฟ่นเดินทางไปติดอยู่มาร์-ทาร์จด้วยการช่วยเหลือจากมอร์โด หนึ่งในลูกศิษย์เอกของตรงนี้ เมื่อไปถึงคามาร์-ทาร์จ สตีเฟ่นก็ได้พบกับ The Ancient One นักเวทย์สาวที่อยู่มานานสมชื่อ ตอนต้นสตีเฟ่นก็ไม่เชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถาแล้วก็ความเร้นลับของจักรวาลซึ่งอยู่เหนือวิทยาศาสตร์ แต่ว่าพบ The Ancient One แสดงฤทธิ์นุภาพเข้าไป ท้ายที่สุดก็เลยก้มคำนับขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคน ด้วยหวังว่ามนตร์ที่จะได้เรียนนั้น จะสามารถช่วยทำให้มือเขากลับมาหายดีปกติได้

แม้กระนั้นแล้วเรื่องราวกลับมิได้หยุดอยู่เท่านั้น ด้วยเหตุว่ากลุ่มนักเวทย์ที่คามาร์-ทาร์จ มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นก็คือการหยุดยั้งศิษย์เก่าผู้ทรยศอย่างไคซิเลียส ไม่ให้นำพาโลกไปสู่อำนาจมืดของดอร์มันมู ที่จะทำให้โลกกลายเป็นดินแดนไม่มีเวลา อยู่กันแบบชั่วช้ากัปเลวกัลย์ งานนี้สตีเฟ่นเลยเผลอบังเอิญร่วมกลุ่มด้วยไปอย่างมึนงงๆ

การดำเนินเรื่องถือได้ว่าไปได้อย่างลื่นไหล บันเทิงใจ ไม่ชักชวนง่วงนอนนะสำหรับเรา หนังมาร์เวลจะมีบางเรื่องที่อืดๆเชิญง่วงนอน แต่ว่าประเด็นนี้ไม่มี เพราะเหตุว่าเรามีความคิดว่าเนื้อเรื่องมันคืบหน้าตลอดเวลา เชื้อเชิญให้ลุ้นว่าสตีเฟ่นจะต้องพบอะไรบ้าง และจะปรับปรุงสกิลถัดไปยังไง ในทางของความสนุกสนานก็คือให้ผ่านเลย สามารถดูสบายๆไม่คิดอะไรก็ได้ เพราะเหตุว่าเงื่อนไม่ได้สลับซับซ้อน แล้วก็มีความแปลกใหม่ในแง่ของการเล่นเวทย์แทนที่จะเป็นพลังดีเลิศหรือวิทยาศาสตร์แบบหนังฮีโร่เรื่องอื่นๆ

เรื่องย่อ เกิดเรื่องราวของ ดร. สตีเฟ่น เสตรนจ์ (Dr.Stephen Strange)

หมอศัลยแพทย์ทางประสาทเก่งคนหนึ่ง ที่ได้สูญเสียมือข้างถนัดจากอุบัติเหตุ จนถึงราวกับอนาคตการเป็นหมอของเขาจะดับวู้บลง แต่แล้วนี่กลับเป็นจุดเริ่มแรกของความสามารถด้านใหม่ที่เหนือความเชื่อของวิทยาศาสตร์ เมื่อเขาได้พบกับผู้วิเศษในดินแดนห่างไกลในทิเบต ที่ทำให้เขาไปสู่โลกเร้นลับของพลังแห่งจักระ ในห้วงศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ จนกระทั่งเป็นต้นเหตุของมือข้างใหม่และก็พลังเวทมนต์แบบที่ตลอดชีพเขาไม่เคยเชื่อมาก่อน…

ชีวิตใหม่ในฐานะ “วีรบุรุษ” ผู้ช่วยเหลือผู้คนของ ดร.เสตรนจ์ ได้เริ่มต้นอีกรอบ แต่ไม่ใช่ในฐานะ “แพทย์” อีกต่อไป เมื่อเขาเปลี่ยนเป็นผู้มีความเข้าใจทางด้านเวทมนต์ แล้วก็ได้นำพลังมาใช้สำหรับในการคุ้มครองผู้คนจากภัยรุกรามจากมิติหรือพลังมืดต่างๆได้เป็นทวีคูณ และบทพิสูจน์แรกของเขาในฐานะวีรบุรุษสายเวทย์ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว กับศัตรูที่มีพลังเวทย์ไม่ด้อยไปกว่าเขา

ตอนหลังๆมานี้ เหมือนว่าหนังซูเปอร์วีรบุรุษของมาร์เวลเริ่มที่จะได้รับความนิยมลดลงไปบ้าง แต่กระนั้นมาร์เวลก็ไม่ประมาท ตัดสินใจส่งภาพยนตร์ Doctor Strange ที่มีการเกิด ลักษณะของพลังและก็บุคลิคที่ต่างจากวีรบุรุษตัวอื่นมาลงสนามแข่งขันเพื่อให้แหวกแนวและสร้างความแปลกใหม่ให้กับแวดวงหนังของมาร์เวล ถ้าหากจะมีที่คล้ายๆกันอาจจะเป็นกัปตันอเมริกา แต่ว่าเรื่องนี้จะแปลกรวมทั้งแหวกแนวกว่าเพราะก่อนที่เขาจะมาเป็นนักเวทย์ เขาเป็นแพทย์มาก่อนแพทย์ แล้วก็การมาเป็นนักเวทย์ก็เสมือนอัพเกรดสกิลขึ้นมานั่นเอง

สิ่งที่สามารถพูดได้ว่าไม่เมคเซนส์ของภาพยนตร์ประเด็นนี้คือความรวดเร็วในการฝึกวิชาพลังเวทย์ ก็พอเพียงจะเข้าใจว่าหนังอยากที่จะให้มีความกระชับเข้าใจง่าย แต่ถ้าหากลองเปรียบอาชีพหมอของเสตรนจ์ในชีวิตข้อเท็จจริง กว่าจะมาเป็นแพทย์ไม่ได้ใช้เวลารวดเร็วขนาดนั้นรวมทั้งอาศัยความฟลุ๊คไม่ได้ด้วยด้วยเหมือนกัน แม้กระนั้นกับพลังเวทย์ที่ดูท่าควรใช้เวลามากกว่า เสตรนจ์กลับใช้เวลาไม่นานสำหรับเพื่อการสั่งสมวิทยายุทธ์ เลยทำให้เป็นจุดรั่วของภาพยนตร์ประเด็นนี้ที่รวบรัดตัดตอนเกี่ยวกับหน้าที่มากมายไป ต้องการที่จะให้กระชับแต่ดันตัดสาระสำคัญไปซะได้ เลยทำให้คนดูไม่อินกับการฝึกหัดวิชาเท่าที่ควร

เสื้อลุกลม (Cloak of Levitation) ของวิเศษที่ทำให้ ดร.สเตรนจ์ สามารถเหาะบินเดินอากาศได้ ซึ่ง เควิน ไฟก์ ประธานบริหารของ Marvel Studios ได้บอกว่า “การลอยได้ของ สตีเฟ่น สเตรนจ์ นั้นจะแตกต่างจากการบินได้ของ ธอร์ หรือ ซูเปอร์แมน หากแม้สีของผ้าที่มีไว้สำหรับคลุมจะมีสีแดง อย่างกับที่เราเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่ว่าการออกแบบงั้นจะมีความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวและไม่เสมือนคนใดแน่นอน”

ผู้แสดงหลักอย่างสตีเฟ่น ก็มีบุคลิกที่เด่นชัดดี ให้อารมณ์โทนี่ สตาร์กเวอร์ชั่นหมอ แอบมีอารมณ์ขันหยอดมาบ้าง สไตล์มาร์เวลนั่นแหละ ส่วนอีกนักแสดงที่ถูกใจคือ The Ancient One มองมีความน่าเกรงขามแม้กระนั้นก็มองอ่อนโยน รวมทั้งยังดูลึกลับๆอีกด้วย ที่น่าเสียดายคือนอกเหนือจากผู้แสดงสองตัวนี้แล้ว เรามีความรู้สึกว่าตัวอื่นๆไม่ค่อยมีบทบาทเด่นมากแค่ไหน ราวกับใส่มาประกอบฉากมากกว่า อย่างแพทย์คริสทีน พาล์มเมอร์ ที่ควรจะเป็นนางเอก ก็มิได้เด่นขนาดนั้น ฉากสวีตกับผู้แสดงนำชายก็ยังไงๆไม่รู้จัก ไม่อินมากแค่ไหน

ส่วนตัวร้ายอย่างไคสิเลียสรวมทั้งดอร์มันมู ก็ไม่ได้ร้ายขนาดนั้น ค่อนข้างจะซอฟต์และก็ออกไปทางขำขันด้วยซ้ำ (โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่สตีเฟ่นประมือกับดอร์มันมู อะไรจะซิตคอมขนาดนี้) อีกจุดที่ไม่กล่าวถึงมิได้ เพราะเห็นกันมาตั้งแต่แบบอย่างหนังแล้ว ก็คือเอฟเฟ็กต์ตระการตา เมืองพับเมือง มิติพับมิติ แนวๆInception อย่างนั้นเลย ซึ่งก็ได้ภาพออกมาชวนพิศวงงามดี อันนี้ถูกใจ ดูหลุดโลกดี

ดวงตาแห่งอกาโมโต้ (Eye of Agamotto) เป็นของดีเลิศอีกชิ้นที่จะปรากฏใน Doctor Strange ซึ่งของวิเศษชิ้นนี้นับว่าเป็นของสำคัญสุดอันตราย ด้วยอนุภาพที่สามารถจะช่วยให้ผู้สวมใส่เห็นภาพลวงตาหรือนำมาซึ่งญาณทิพย์ ตลอดจนควบคุมสิ่งต่างๆได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ “ช่วงเวลา” ด้วยเหตุดังกล่าวหากของชิ้นนี้ตกอยู่ในคนชั่วจึงถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Doctor Strange

จริงๆก็เห็นท่าตั้งแต่ในเทรลเลอร์แล้วว่า Dr. Strange ย้ำโชว์แต่งาน Visual Effect หรือ CGI อันยิ่งใหญ่เลิศราคา Marvel แม้กระนั้นเวลานี้ก็ไม่คิดว่าในตัวหนังเต็มๆจะพล็อตปกติ ผู้แสดงไม่มีมิติ แล้วก็เดินเรื่องหน่วงได้ขนาดนี้

รู้เรื่องว่า หนังต้องปูแบ็คเกรียวกราวนด์ของ Dr. Strange มากหน่อย เพราะว่าเป็นภาคแรกของเขา ถือเป็นผู้แสดงใหม่ อย่างในประเด็นนี้ก็เกือบจะไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องหรือเชื่อมโยงกับฮีโร่ตัวอื่นใน The Avengers หรือของ Marvel ตัวอื่นๆเลย (เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมีความรู้หรือเคยดู The Avengers มาเลย ก็ดูรู้เรื่อง) แม้กระนั้นที่เบื่อเป็นพล็อตของ Dr. Strange ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย

หนังตลกๆ

 win666.club

lapierre-provencher