โรงงาน ผลิต อาหารเสริม

โรงงาน ผลิต อาหารเสริม

โรงงาน ผลิต อาหารเสริม

โรงงาน ผลิต อาหารเสริม การตัดสินใจเลือกทำธุรกิจอะไรสักอย่าง เว้นเสียแต่ความพอใจและความสามารถแล้ว ประสบการณ์บางสิ่งสามารถกลายเป็นแรงผลักดันชั้นยอด นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลสำหรับคนที่พึงพอใจทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริม หลายๆคนมองว่าสินค้าประเภทนี้จำต้องอาศัยความรู้ทางด้านวิชาการที่ออกจะมาก โรงงานผลิต อาหารเสริม จนกระทั่งเกิดความกลุ้มอกกลุ้มใจว่าจะทำกับข้าวเสริมที่เป็นแบรนด์ตนเองได้หรือเปล่า แน่ๆว่าขั้นตอนการผลิตจะต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะได้อาหารเสริมที่มีคุณภาพ

สินค้าที่วางขายบางประเภทมีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยรองรับ ตรงส่วนนี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญแล้วก็ดึงมาใช้เป็นจุดขายของสินค้า  ซึ่งความชื่นชอบสำหรับในการทานสินค้าเสริมของกินพร้อมกันกับการดูแลร่างกายได้เข้ามามีบทบาทสำหรับการดำรงชีพมากยิ่งขึ้น ผลจากการปรับตัวของผู้ซื้อทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเองเล็งเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจนี้เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากการเรียนรู้หนทางพื้นฐานสำหรับในการลงทุนแล้ว ยังมีองค์ประกอบใดอีกบ้างที่ควรจะทราบ

การเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมแบรนด์ตัวเอง ควรที่จะเลือกยังไง ?

แต่ละโรงงานมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น การนำเข้าสารสกัดจากพืช มีผู้ที่มีความชำนาญที่มีความสามารถความรู้ด้านอาหารเสริมสมุนไพร ฯ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผลิตกับโรงงานใดก็ตาม ควรศึกษาค้นคว้าเนื้อหาสาระเกี่ยวกับบริษัทนั้นว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ทำมานานกี่ปี

มีคณะทำงานมากมายประสบการณ์เป็นผู้ควบคุมหรือเปล่า เมื่อเข้าไปค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต บนหน้าเว็บไซต์ควรมีการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีความมั่นคงทางการเงิน และมีภาพลักษณ์ที่ดีหรือไม่ แนวทางการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควรเป็นไปตามมาตรฐานสากล เป็นต้นว่า GMP, HACCP, ISO แล้วก็ HALAL ฯลฯ มีคุณภาพ สะอาด

และก็ไม่เป็นอันตรายบางโรงงานมีบริการครบวงจรแบบ One Stop Service ดูแลจบได้ในที่เดียว เหมาะกับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่เคยรู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน ให้บริการตั้งแต่ การวางเป้าหมายผลิตภัณฑ์, ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์, กรรมวิธีการผลิต , การจัดการ, วางแบบบรรจุภัณฑ์, ให้คำปรึกษาสำหรับเพื่อการคิดแผนทางการตลาดทั้งยังออนไลน์แล้วก็ออฟไลน์ หนทางการจัดจำหน่าย วิธีการทำเว็บไซต์โฆษณาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งบริการข้างหลังการขาย

วิธีการทำกระบวนการทำตลาดอาหารเสริมแบรนด์ตนเองให้ยอดขายเติบโต

การว่าจ้างทางโรงงานเป็นผู้ผลิต ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างแบรนด์อาหารเสริมเป็นของตัวเองได้ แม้ว่าจะเป็นข้อดีสำหรับยุคนี้ แม้กระนั้นก็มีการแข่งขันที่ร้ายแรงมากขึ้นเช่นกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นกรุ๊ปธุรกิจSMEs ที่ชอบวางแบบสินค้าคล้ายๆกัน แม้กระทั้งผู้ครอบครองแบรนด์เองแทบจะบอกความแตกต่างมิได้

โดยเหตุนั้นการสร้างแบรนด์จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจในธุรกิจอาหารเสริมไม่สามารถที่จะไม่เอาใจใส่ได้ การผลิตจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์จะช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่จำของคนซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งควรจะให้ความสำคัญกับของใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์มากยิ่งกว่าการพุ่งเป้าไปที่การทุ่มงบประมาณโฆษณาให้มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว

เป็นการเพิ่มสมรรถนะสำหรับเพื่อการชิงชัยซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวโดยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยหรือกลุ้มใจมากเท่าไรนักมีการประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการร่วมแรงกันทางธุรกิจกับกลุ่มพันธมิตรที่สอดคล้อง กับกลุ่มเป้าหมาย  ดังเช่นว่า สถาบันวิจัยสมุนไพร หรือโรงพยาบาล เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการทำให้สินค้าเรามีข้อดี

ในส่วนของแนวทางการทำสินค้าอาหารเสริมสมุนไพร จำเป็นต้องเน้นย้ำส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติโดยปราศจากสารอันตราย ในฐานะผู้สร้างต้องมีการติดต่อถึงผู้บริโภค ที่ต้องการรู้ถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องรวมทั้งกระจ่างแจ้ง มีการแต่งเรื่องราวที่น่าดึงดูดให้กลายเป็นที่จำ ชูวัตถุดิบหลักให้โดดเด่น

โดยมีความจำกัดว่าอาหารเสริมไม่สามารถที่จะประชาสัมพันธ์ชี้แจงคุณประโยชน์ได้ บอกเล่าถึงแหล่งผลิต กรรมวิธีเพาะปลูก การรับประกันคุณภาพสินค้า ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อเพิ่มคุณค่าในใจลูกค้า สำหรับหนทางในการทำการตลาดที่สามารถจะช่วยส่งเสริมสินค้าอาหารเสริมให้เป็นที่รู้จัก มี 3 หนทางคือ

1.Offline Marketing

ถึงแม้กระแสแนวทางการขายสินค้าออนไลน์ที่นับวันจะทวีความร้ายแรงมากยิ่งขึ้น แต่ว่ากระบวนการทำตลาดผ่านวิถีทางออฟไลน์ก็ไม่ควรไม่มีความสนใจเช่นเดียวกัน วิถีทางการตลาดแบบไม่มีอินเตอร์เน็ตนี้ ยังคงพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การออกงานอีเวนต์ งานจัดแสดงสินค้า การใช้เซลล์วิ่งหาลูกค้าตามหน้าร้านขายยา หรือ สินค้าเกี่ยวสุขภาพ สำหรับแบรนด์ขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัดควรจะใช้สื่อออฟไลน์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ

2.Online MarketingSMEs

สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและก็เร็วทันใจ โดยผ่านช่องทางออนไลน์ถือได้ว่าเป็นช่องทางทำการตลาดที่ทำให้คนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นการโฆษณา เพื่อให้เกิดการบอกต่อได้โดยง่าย มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดน้อยเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ริเริ่มทำธุรกิจ แต่จำต้องใช้กลยุทธ์อย่างถูกต้อง ดังเช่นว่า แนวทางการทำเว็บไซต์ การผลิต Facebook Fanpage  มีการให้ความรู้ผ่านคอนเทนต์ สิ่งที่จำต้องตระเตรียมคืองบประมาณในการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านหนทางออนไลน์ด้วย

3.Omni Channel

เป็นการตลาดที่เชื่อมโยงหนทางทั้งสิ้นของธุรกิจเข้าด้วยกัน ทั้งจากแนวทางการขายผ่านหน้าร้านค้ารวมทั้งทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มความประทับสำหรับเพื่อการใช้บริการ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าใช้มือถือค้นหาอาหารเสริมบำรุงสมองจากหน้าเว็บไซต์ของพวกเรา แล้วก็ได้ให้ข้อมูลของตนเองไว้  ในที่สุดตกลงใจซื้อที่หน้าร้าน

ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกเก็บไว้ภายในฐานข้อมูลสำหรับเพื่อการทำตลาดคราวถัดมา ความยากอยู่ที่การจัดการจัดการแล้วก็ควบคุมคุณภาพที่จะจำเป็นต้องตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าแต่ละราย การจัดเก็บข้อมูลที่ดีรวมทั้งการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ ช่วยให้แบรนด์พรีเซนเทชั่นผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความปรารถนา และก็ผูกมิตรที่ดีของผู้ซื้อที่มีต่อแบรนด์ไม่ว่าจะมีกี่วิถีทางก็จำต้องใช้ให้คุ้ม

จำเป็นต้องพรีเซ็นท์สินค้าให้เป็น แน่ๆว่าผู้บริโภคย่อมต้องมีการเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละแบรนด์  ไม่สำคัญว่าสินค้าจะมีปัญหาหรือข้อผิดพลาดตรงไหน แต่อยู่ที่ว่าคู่แข่งรองรับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งไปกว่าหรือเปล่า จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสามารถต่อกรกับคู่ปรับได้ จำเป็นต้องไม่ลืมเลือนเรื่องการติดต่อกับลูกค้าข้างหลังแนวทางการขาย

เพราะว่าอาหารเสริมต้องใช้ช่วงเวลากว่าจะเห็นผล ขั้นตอนการบริการข้างหลังวิธีขายจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับในการรักษาฐานลูกค้า ในระยะแรกบางทีอาจจะเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้ากระทั่งลูกค้าจะกำเนิดความเชื่อมั่นและมั่นใจการที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดได้นั้น จำเป็นต้องรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ รู้เรื่องผู้ซื้อ

รักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้ดี สำหรับธุรกิจอาหารเสริม ผู้ประกอบกิจการควรจะให้ความสำคัญกับการวิจัยรวมทั้งปรับปรุงสินค้าที่ตอบสนองต่อความอยากได้ของลูกค้า เหนือสิ่งอื่นใดนั้นความรับผิดชอบต่อชีวิตของลูกค้ามีความหมายที่สุด เพราะเหตุว่าความสุจริตใจเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมองหา สินค้าของพวกเราจำเป็นต้องวิเคราะห์ย้อนกลับไปได้ และที่สำคัญคือการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่างเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจจำเป็นต้องพร้อมรับมืออยู่เสมอ เพื่อนำพาแบรนด์ไปให้ไกลและเติบโตอย่างแน่วแน่ที่สุด

ตัวแทนจำหน่าย vs เจ้าของแบรนด์ อะไรเวิร์กกว่ากัน

ตัวแทนจำหน่าย vs เจ้าของแบรนด์ การเข้ามาเป็นผู้ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมความงามนั้น ผู้ที่เดินเข้ามาอย่างมั่นอกมั่นใจชอบหยุดชะงักลงตรงทางสองแพร่งนี้เสมอ โน่นคือจะเลือกเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแบรนด์ของคนอื่น หรือ ปลุกปั้นสร้างแบรนด์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของขึ้นมา คิดมากใช่ไหมล่ะ แต่ช่างเถิด เพราะว่าเราได้จัดแจงสาเหตุต่างๆที่คุณจำต้องพิจารณาเมื่อคิดจะก้าวย่างเข้ามาสู่ธุรกิจครีม อาหารเสริม และก็เครื่องแต่งหน้า ซึ่งเมื่อคุณอ่านจบ คุณจะสามารถตัดสินใจได้ในทันทีทันใดว่าจะเลือกทางใด ระหว่างตัวแทนขาย กับเจ้าของแบรนด์ ถ้าเกิดพร้อมแล้ว มาดูกันเลย

1.อำนาจสำหรับเพื่อการบริหารสินค้า

สิ่งหนึ่งที่มีความต่างอย่างแจ่มแจ้ง ระหว่างสถานะตัวแทนขายกับผู้ครอบครองแบรนด์ โน่นคือ อำนาจสำหรับการบริหารควบคุมแนวทางของสินค้า ตัวแทนจำหน่ายชอบต้องปฏิบัติตามแนวทางของเจ้าของแบรนด์ ตลอดจนข้อจำกัดต่างๆที่จะต้องให้ความสำคัญ มิฉะนั้น ก็บางทีอาจสูญเสียสถานะตัวแทนจำหน่ายได้

แต่ว่าการเป็นตัวแทนขายก็มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัด เป็นคุณไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวล่ำเวลากับการบริหารแบรนด์มากเท่าไรนัก หน้าที่ของคุณมีเพียงแค่การหาลูกค้ารวมทั้งขายของให้ได้มากที่สุด ยิ่งคุณขายได้มากเยอะแค่ไหนก็ยิ่งได้ส่วนแบ่งผลกำไรมากยิ่งขึ้นเพียงแค่นั้นในทางตรงกันข้าม เจ้าของแบรนด์มีอำนาจสูงสุดสำหรับในการบริหารสินค้าสูงสุด

สามารถคิดแผน กำหนดรูปร่างของผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยลงสู่ตลาด ตลอดจนการเลือกวิถีทางวิธีขายที่สมควรในช่วงต่างๆหน้าที่ของเจ้าของแบรนด์แม้ว่าจะดูราวกับว่าเป็น CEO ที่มองดูภาพกว้าง ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ครอบครองแบรนด์จำต้องเข้ามากำกับดูแลขั้นตอนการผลิต แล้วก็จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นงานที่ออกจะหนักเอาการ แต่ว่ารางวัลของการทำงานหนัก ถ้าหากแบรนด์บรรลุเป้าหมายได้ด้วยดี ก็พอๆกับว่าคุณจะได้รับผลดีจากหยาดเหงื่อแรงงานไปเต็มๆเลยนั่นเอง

2.การมีส่วนร่วมในขั้นตอนการผลิต

สิ่งหนึ่งที่ผู้ครอบครองแบรนด์มีเหนือตัวแทนขายอย่างชัดเจนเป็นหน้าที่การมีส่วนร่วมในกรรมวิธีการผลิตสินค้า เนื่องด้วยเจ้าของแบรนด์เป็นผู้ที่จะต้องติดหาเลือกสรรบริษัทหรือโรงงานผลิตครีม เครื่องสำอาง หรืออาหารเสริมโดยตรง ตลอดจนมีหน้าที่สำหรับในการเลือกสูตร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และวิธีในการผลิต

กระทั่งผลิตภัณฑ์ปล่อยออกสู่ตลาดในสุดท้าย เรียกได้ว่าผู้ครอบครองแบรนด์ผู้ซึ่งอยู่กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เริ่มจากศูนย์ย่อมเป็นคนที่รู้จักผลิตภัณฑ์ของตัวเองเหมาะสมที่สุด สิ่งนี้เป็นลักษณะเด่นสำคัญของการสร้างแบรนด์ เพราะเหตุว่าวิชาความรู้ ความชำนาญ รวมทั้งประสบการณ์ ตลอดจนโครงข่ายที่เจ้าของแบรนด์ผลิตขึ้นระหว่างแนวทางการผลิตจะเป็นองค์วิชาความรู้ที่ช่วยทำให้เจ้าของแบรนด์สามารถนำไปต่อยอดได้ตลอดทั้งชีวิต

โดยไม่กำหนดเพียงแต่ธุรกิจเครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว ในตอนที่ถ้าเลือกเป็นผู้แทนจำหน่ายบางทีอาจจะได้ความสามารถสำหรับในการขายสินค้าให้บรรลุเป้าหมาย แต่ก็จะคลาดโอกาสสำหรับในการเรียนรู้ความสามารถของการเป็นผู้ประกอบกิจการไป การเป็น CEO ในแบรนด์ของตนเองกับผู้รับจ้างในแบรนด์ผู้อื่นนั้นไม่เหมือนกันมากทีเดียว

3.ความน่าเชื่อถือ

การเลือกเป็นผู้แทนขายให้กับสินค้าใดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์จำพวกครีม เครื่องแต่งหน้า หรืออาหารเสริมนั้น คุณจึงควรตรวจทานความน่าวางใจของแบรนด์ให้ดีว่าได้ผ่านการยืนยันโดย อย.หรือผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐานสากลไหม เพราะว่ามีหลายสาเหตุที่บางแบรนด์มีแนวทางการผลิตสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ฉ้อโกงผู้บริโภค

แม้ว่าจะสามารถสร้างรายได้เป็นร้อยล้าน แต่ว่าในในที่สุดก็โดนจับกุมและจะต้องปิดแบรนด์ลง โดยเหตุนี้ การเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายจึงมีความเสี่ยงตรงจุดนี้ที่คุณจำเป็นต้องพินิจให้ดี ก่อนที่จะสมัครเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์จำพวกใด ในระหว่างที่ ผู้ครอบครองแบรนด์สามารถที่จะตัดสินใจเลือกโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์

รวมทั้งสูตรต่างๆได้ด้วยตัวเองทุกประการ ทำให้ล่วงรู้ถึงกับขนาดตอนต่างๆว่าไม่มีอันตรายและช่วยให้สินค้าออกมามีคุณภาพไหม จุดแข็งที่ตรงนี้ทำให้การเลือกเป็นเจ้าของแบรนด์ตัวเองจะก่อให้คุณเชื่อมั่นได้ว่าผลิตภัณฑ์ของตนจะไม่เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอย่างไม่ต้องสงสัย

4.สินค้าในแบบตัวเอง

ภารกิจหลักของตัวแทนจำหน่ายเป็นแนวทางการขายสินค้าของแบรนด์ที่ได้รับมาให้ได้มากที่สุด เวลาที่เจ้าของแบรนด์ การสร้างผลิตภัณฑ์ใดขึ้นมานั้นเป็นการใส่ตัวตน ความเป็นตัวเองลงไปผลงานเหล่านั้น ทำให้ท่านได้แบรนด์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ แบรนด์เปรียบเสมือนลูกที่คุณชุบเลี้ยงขึ้นมาอย่างตั้งใจ

ฉะนั้น ก็เลยขึ้นกับว่าคุณผู้เดียวต้องการที่จะให้แบรนด์เดินหน้าไปในแนวทางใด คุณอาจจะพึงพอใจกับการเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ (niche market) หรือตั้งความมุ่งหมายจะพาแบรนด์ก้าวหน้าไปในระดับอาเซียน ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างขึ้นกับวิสัยทัศน์และกำลังของคุณเพียงอย่างเดียว นี่เป็นอิสระที่ผู้ครอบครองแบรนด์ทุกคนพึงมี รวมทั้งหาไม่ได้หากคุณเป็นเพียงแค่ตัวแทนจำหน่าย

5.กรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ

‘เจ้าของแบรนด์’ เพียงเท่านี้ก็ชี้ได้แล้วว่ากรรมสิทธิ์ของแบรนด์คุณเป็นของผู้ใด เมื่อคุณวางแผนการสร้างสินค้า ได้สูตร และก็วางแบบบรรจุภัณฑ์จนสำเร็จแล้ว คุณก็สามารถยื่นของลงบัญชีแบรนด์ของคุณได้ โดยอาจขอความเห็นรวมทั้งการเกื้อกูลจากบริษัทหรือโรงงานที่คุณใช้บริการได้เหมือนกัน

ซึ่งเท่ากับว่าสินค้าที่คุณทุ่มเทแรงทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์สมบัติลงไปนั้นจะเป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว ถ้าคุณเลือกเส้นทางตัวแทนขาย คุณอาจจะได้รับส่วนแบ่งผลกำไร และไม่จะต้องเมื่อยล้ากับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของ CEO จริง แม้กระนั้นในท้ายที่สุดแล้ว คุณก็บางทีก็อาจจะพบว่าตัวเองว่าคุณไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ไม่มีอะไรที่เป็นของคุณนอกจากเงินที่ได้รับมา ซึ่งบางครั้งอาจจะใช้หมดไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้จักได้ การสร้างแบรนด์บางทีอาจใช้เวลาแล้วก็ความอดทนสูง แม้กระนั้นมั่นใจว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณก็จะพึงพอใจและก็สามารถบอกต่อใครๆได้อย่างภาคภูมิใจได้ว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง

สรุปตัวแทนขาย VS ผู้ครอบครองแบรนด์ อะไรจะเวิร์กกว่ากัน?

ถ้าคุณอ่านมาถึงจุดนี้น่าจะพอรู้แล้วว่า ระหว่างตัวแทนจำหน่าย กับ ผู้ครอบครองแบรนด์ เส้นทางไหนที่จะเวิร์กกว่ากันในระยะยาว ถ้าคุณมีความต้องการรีบใช้เงิน แน่ๆว่าการเป็นผู้แทนขายย่อมตอบโจทย์ระยะสั้นของคุณได้มากกว่า แต่ว่าถ้าหากคุณฝันว่าในชีวิตนี้ควรจะมีธุรกิจอะไรเป็นของตัวเองหรือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างในชีวิต

การสร้างแบรนด์เป็นของตนเองย่อมเป็นคำตอบท้ายที่สุด เพราะว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจการค้า แม้การเริ่มจะเปี่ยมไปด้วยอุปสรรค ความเหนื่อยยาก แต่เมื่อล่วงเลยไปได้ ผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่นิยม เริ่มมีฐานลูกค้าเป็นของตัวเอง การมีแบรนด์เป็นของตัวเองจะช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้กับคุณได้อย่างไม่ต้องสงสัย

lapierre-provencher